ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาเกี่ยวยาพนะที่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้อย่าง “รถยนต์ไฟฟ้า” นั้น…ทำให้เรามีทางเลือกในการใช้พลังงานทดแทนอย่างไฟฟ้า แทน น้ำมัน ที่มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าไฟฟ้าจะเป็นทางออกที่ดีที่ทั้งประหยัดพลังงานแถมรักษาสิ่งแวดล้อม “สถานีชาร์จหรือแท่นชาร์จก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ” อยู่ดี วันนี้เราจึงจะพาทุกๆ ท่านไปสำรวจกันสักหน่อยครับ

รถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นอย่างไร?

รถยนตไฟฟ้าElectric Vehicle) คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีระบบสันดาปภายใน โดยรถ EV จะใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้ารูปแบบอื่นที่สามารถชาร์จไฟได้ ซึ่งเปลี่ยนพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อน โดยข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เกิดแรงบิดได้ทันที ส่งผลให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว ต่างจากรถยนต์ทั่วไปที่ต้องใช้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเพื่อการขับเคลื่อน

ทำความรู้จักกับแท่นชาร์จหรือสถานีชาร์จไฟฟ้า

แท่นชาร์จประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV Charging สามารถแบ่งได้เป็น 2ประเภทหลัก คือ…

1.การชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้าผ่านตัวนำ (Conductive Charging) เป็นการชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไปยังรถยนต์ไฟฟ้าโดยใช้สายชาร์จเคเบิล เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความซับซ้อนน้อย ทำให้การชาร์จประจุไฟฟ้าผ่านตัวนำเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน สำหรับการชาร์จไฟฟ้าผ่านตัวนำนั้น สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 ประเภท

การชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้าแบบปกติ (Normal Charge) ซึ่งเป็นการชาร์จประจุไฟฟ้าด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charger) ผ่านอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้าที่ติดตั้งภายในรถยนต์ไฟฟ้า (On-Board Charger) จะมีขนาด 4.3 kW และ 6.6 kW สำหรับการชาร์จประจุไฟฟ้าแบบ 1 เฟส ไปจนถึง 11 kW และ 22 kW สำหรับระบบการชาร์จไฟฟ้าแบบ 3 เฟส ซึ่งการชาร์จประจุไฟฟ้ากระแสสลับที่ 22 kW จะเรียกว่าการชาร์จประจุไฟฟ้ากระแสสลับแบบกึ่งเร็ว (AC Semi-Quick Charge) และผ่านอุปกรณ์ Inverter เพื่อเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรงเพื่อชาร์จประจุในแบตเตอรี่ต่อไป ซึ่งโดยทั่วไปจะรองรับกระแสไฟฟ้าได้เพียง 16-32A ดังนั้น การชาร์จไฟฟ้าในรูปแบบนี้เหมาะสำหรับการชาร์จประจุไฟฟ้าที่ สำนักงาน หรือที่จอดรถสาธารณะที่เปิดให้จอดรถยนต์ได้เป็นระยะเวลานาน (มากกว่า 1-2ชั่วโมง)

การชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้าแบบเร็ว (Quick Charge) ซึ่งเป็นการชาร์จประจุไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charger) เข้าสู่แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง โดยมีระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (Battery Manage-ment System: BMS) ทำหน้าที่ควมคุมการชาร์จประจุ การชาร์จประจุไฟฟ้าแบบเร็วสามารถจ่ายกำลังไฟฟ้าในการชาร์จไฟฟ้าได้สูงเนื่องจากไม่มีข้อจำกัดเรื่อง On-Board Charger โดยทั่วไปสามารถชาร์จประจุไฟฟ้าครึ่งหนึ่งของความจุแบตเตอรี่ได้ภายในระยะเวลาเพียง 10-15 นาทีและเนื่องจากเป็นการชาร์จประจุไฟฟ้าที่ใช้กำลังไฟฟ้าสูง จึงต้องการแหล่งจ่ายไฟฟ้า 3เฟส ที่มีพิกัดกระแสสูง การชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงมักเป็นการใช้งานในแหล่งสาธารณะซึ่งต้องการความรวดเร็วในการชาร์จประจุไฟฟ้า

2.การชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้าเหนี่ยวนำ (Inductive Charging) เป็นการชาร์จประจุไฟฟ้าโดยการใช้การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า ดังแสดงในรูป 3 จึงทำให้การชาร์จประจุไฟฟ้าในรูปแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีสายเคเบิลในการชาร์จประจุไฟฟ้า เพิ่มความปลิดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน และสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการชาร์จประจุไฟฟ้า อย่างไรก็ตามการชาร์จประจุไฟฟ้าแบบไร้สายยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา เพื่อลดการสูญเสียกำลังไฟฟ้าระหว่างการชาร์จประจุให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การชาร์จไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำจะเป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับเท่านั้น จึงจำเป็นต้องใช้ On-Board Charger หรือ AC/DC Rectifier ในรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นกระแสตรงก่อนจ่ายเข้าสู่แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า

แท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยแล้วหรือยัง?

ต้องกล่าวได้ว่า ณ ปัจจุบัน พื้นที่กรุงเทพมหานคร มีสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ แต่ในต่างจังหวัดนั้น จะมีตามเส้นทางสายหลัก ณ ปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ต่างๆ รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่อย่าง 7-Eleven ก็กำลังปรับปรุงเพื่อรองรับความต้องการใช้แท่นชาร์จไฟฟ้าเช่นกันครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้า” พร้อมกับ “แท่นชาร์จไฟฟ้า” ต่างๆ ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกันนะครับ